เที่ยวตุรกี ฮิปโปรโดรม อิสตันบูล ประเทศตุรกี สนามแข่งม้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
ข้อมูลเที่ยวตุรกี
ฮิปโปรโดรม สนามแข่งม้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเสาโอเบลิสค์ ที่คนไทยไม่คุ้นหู จะเป็นอย่างไร มีเรื่องราวน่าสนใจแค่ไหน ไปเที่ยวด้วยกันค่ะ ในตอนนี้นะคะ ชาขมจะพาไปเที่ยวศูนย์กลาง หรือเรียกได้ว่าเป็นหัวใจของดินแดนคอนสแตนติโนเปิล หรือของจักรวรรดิออตโตมันก็ว่าได้ นั่นคือจุดที่เรียกว่า ไปติดตามพร้อมกันเลยจร้า
1
จตุรัสสุลต่านอาห์เมท (Sultanahmet Square)
จตุรัสสุลต่านอาห์เมท (Sultanahmet Square) ก่อนจะเข้าเรื่องนี้ ชาขม จะขอเล่าถึงการสถาปนาอิสตันบูล จะขอย้อนกลับไปจนถึงสมัยยุคกรีกโบราณนะคะ ในสมัยนั้นหากกษัตริย์คิดจะสร้างเมืองใหม่ หรือแสวงหาดินแดนใหม่ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปปรึกษากับผู้พยากรณ์ แล้วกษัตริย์ บิซัส (Byzas) ก็ทรงได้รับคำตอบจากผู้พยากรณ์ว่า ให้ไปสร้างเมืองข้างๆ ดินแดนที่ผู้คนตาบอด ซึ่งกษัตริย์ก็ทรงแปลกใจมากๆ พระองค์ได้ทำการเสาะแสวงหาเมืองต่างๆ จนมาถึงดินแดนนี้ แต่เป็นฝั่งเอเชีย ดินแดนนั้นชื่อ คาเคดอน (Chalcedon) ซึ่งในปัจจุบันคือ คาดิคอย (Kadikoy) จากการที่พระองค์พักอยู่ที่นั่น 2-3 วันทำให้พระองค์รู้สึกดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่ดี สวยงาม แต่พระองค์ก็ได้มองไปเห็นดินแดนส่วนที่เป็นฝั่งยุโรป จึงได้ข้ามช่องแคบบอสฟอรัสมายังฝั่งยุโรปและค้นพบว่ามันช่างสวยงามมากกว่าฝั่งเอเชียเสียอีก แปลกใจว่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เลย จะกลับไปอยู่ฝั่งเอเชียกันหมด พระองค์จึงคิดว่า “ทำไมไม่มีคนอยู่ในอาศัยดินแดนสวยงามเช่นนี้นะ พวกเขาต้องตาบอดแน่ๆ ที่ไม่เห็นดินแดนที่สวยงามและน่าอยู่เช่นนี้” ..ทันใดนั้น พระองค์ก็นึกถึงคำพูดของผู้พยากรณ์ขึ้นมาได้ว่า ข้างๆ ดินแดนที่ผู้คนตาบอด พระองค์จึงเข้าใจคำพูดของผู้พยากรณ์ได้ทันทีว่า ไม่ใช่ผู้คนตาบอด แต่ตาบอดที่ไม่สามารถมองเห็นดินแดนที่สวยงามน่าอยู่นี้ได้ พระองค์จึงสร้างเมืองใหม่ในฝั่งยุโรปนี้.. นี่ก็คือตำนานในการสถาปนาเมืองอิสตันบูล ภายหลังต่อมาเฉพาะในกลุ่มนักประวัติศาสตร์ได้ใช้ชื่อ บิซัส ในการแยกความแตกต่าง ของโรมันตะวันออก และโรมันตะวันตก เขาเรียกโรมันตะวันออกว่าไบแซนเทียม (Byzentium)
2
สะพานในอิสตันบูลมี 3 สะพาน
ปัจจุบันในอิสตันบูลมี 3 สะพาน ซึ่งเชื่อมระหว่างฝั่งยุโรปและเอเชีย สะพานแรกคือ สะพานกาลาตา (Galata Bridge) ซึ่งใต้สะพานนี้มีร้านอาหารมากมาย และมีวิวที่สวยงาม / สะพานบอสฟอรัส (Bophorus Bridge) และสะพานยาวุส สุลต่าน เซลิม (Yavuz Sultan Selim Bridge) ณ จุดที่เรียกว่าหัวใจของจักรวรรดิออตโตมันแห่งนี้ สถานที่แรกที่เราจะเยี่ยมชมคือ ฮิปโปรโดม (Hipprodrome) สร้างในศตวรรษที่ 2 ลองจินตนาการดูนะคะว่า พื้นที่โล่งกว้าง และยาวแห่งนี้ แต่ก่อนถูกล้อมรอบด้วยสเตเดียม หรืออัฒจรรย์ ซึ่งมีที่นั่งให้ผู้คนมากมายได้เข้ามาชม ถามว่าชมอะไรน่ะหรือคะ ที่นี่คือสนามแข่งม้า และแข่งรถม้า จุดเริ่มแข่งขันได้อยู่มุมด้านหนึ่ง ม้าวิ่งออกไป แล้วอ้อมเสาสุดท้ายกลับมา แต่น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรเหลือเลยจากวันนั้น แต่มีสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่หลงเหลืออยู่ คือน้ำพุ ชื่อว่า น้ำพุเยอรมัน (German Fountain) ซึ่งเป็นของขวัญแด่องค์สุลต่าน อาเมด (Sultan Ahmed) จากจักรพรรดิเยอรมันวิลเฮล์มที่ 2 (German Emperor Wilhelm II) เมื่อครั้งที่มาเยือนอิสตันบูลในปี 1898 น้ำพุสร้างในประเทศเยอรมัน และขนส่งมาทางเรือ เป็นชิ้นส่วนแล้วมาประกอบ ณ ที่แห่งนี้ ภายในโดมน้ำพุนี้ประดับไปด้วยสีโมเสคทอง จะมีวงกลมสีเขียวบรรจุลายเซ็นขององค์สุลต่าน สลับกับวงกลมสีน้ำเงินพร้อมสัญลักษณ์ดับเบิ้ลยู หมายถึงจักรพรรดิวิลเฮล์มที่สอง เป็นสถาปัตยกรรมนีโอ-ไบเซนไทน์ คือมีโดม 8 มุม และเสาหินอ่อน 8 ต้นรองรับ และน้ำพุนี้ยังถูกใช้งานจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
- น้ำพุเยอรมัน German Fountain -
3
เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1
ในบริเวณฮิปโปรโดมแห่งนี้ มีเสาหิน หรือเสาโอเบลิสค์อยู่สามต้นด้วยกัน เสาหินต้นแรก ที่ถัดจากน้ำพุเยอรมันคือ เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1 (The Obelisk Of Theodosius I) เป็นเสาฐานสี่เหลี่ยม แหลมสูงขึ้นไป สร้างโดยวิหารคาร์นัค ในอียิปต์ เมื่อเกือบ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยฟาโรห์ธุตโมสที่ 3 (Pharaoh Thutmose III) และถูกส่งมาทางแม่น้ำไนล์ ไปยังกรีซ ในสมัยจักรพรรดิโรมัน คอนสแตนติน ที่ 2 (Constantius II (337–361 AD) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครองราชย์ปีที่ 20 ในปี 357 AD และได้ถูกเคลื่อนย้ายมาที่ฮิปโปรโดรมแห่งนี้ในปี 390 AD ในสมัยพระจักรพรรดิโรมันธีโอโดซิสที่ 1 (Theodosius I (379–395 AD) เสาโอเบลิสค์ธีโอโดซิสที่ 1 นี้มีความสูงถึง 21 เมตรสร้างโดยหินแกรนิตชิ้นเดียว จริงๆ แล้วเสาโอเบลิสค์ที่มาจากวิหารคาร์นัคในโลกนี้มีประมาณ 20 ต้น ต้นที่อยู่หน้า White House ก็มาจากวิหารเดียวกันนี้ เมื่อตอนที่เขานำขึ้นมาจากเรือ เขาใช้วิธีนำไม้มาวางบนพื้นซึ่งมีน้ำมันเคลือบอยู่ แล้วลากไปเรื่อยๆ จนถึงณจุดนี้ ส่วนฐานของเสามีแผ่นหินอ่อนแกะสลัก เป็นรูปพระจักรพรรดิยืนตรงกลางล้อมรอบด้วยพี่น้อง และประชาชน กำลังยืนชมการแข่งม้าอยู่ ที่เรารู้ได้ว่าคนตรงกลางนั้นเป็นพระจักรพรรดิธีโอโดซิสที่ 1 เพราะมีจารึกเป็นภาษาละตินเขียนไว้ว่า พระจักรพรรดิธีโอโดซิสที่ 1กำลังชมการแข่งม้าอยู่กับครอบครัวและประชาชน ซึ่งเมื่อเรามองลงไปตรงฐานรากเราจะเห็นพื้นดินที่ลึกลงไปนั้นคือระดับพื้นดินที่แท้จริงของฮิปโปรโดมในยุคนั้น
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1 -
4
เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column
เสาต้นถัดไปเป็นเสาสำริดสีเขียวชื่อว่า เสาเซอร์เพนท์ (Serpent’s Column) ซึ่งคำว่า เซอร์เพนท์ แปลว่างู เดิมสูง 8 เมตร เสานี้สร้างเป็นรูปงูสำริด 3 ตัวพันกัน สร้างเพื่อเฉลิมฉลองและถวายต่อเทพอพอลโล่ (Apollo) แห่งเดลฟี ในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของชาวกรีกที่มีต่อชาวเปอร์เซียในสงครามพลาเทีย (The Battle Of Platea) เมื่อ 480 ปีก่อนคริสตกาล แล้วเค้าก็เอาอาวุธต่างๆ ที่ยึดได้จากชาวเปอร์เซียมาหลอมรวมกันแล้วสร้างเป็นเสาต้นนี้ขึ้นมา ที่เสามาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะว่า พระจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชต้องการประดับตกแต่งเมืองใหม่ของพระองค์ จึงนำเสาต้นนี้มาจากเมืองเดลฟีประเทศกรีซมาไว้ที่นี่ในปี ค.ศ.324 ค่ะและเพื่อนๆ ก็คงจะเดาได้ว่า เสาต้นนี้ควรที่จะต้องมีงูให้เราเห็น 3 หัวใช่ไหมคะ ถูกต้องค่ะ เสาแต่เดิมนั้นมีหัวงูแยกออกมา 3 หัวและรองรับชามทองด้านบน.. เรื่องน่าสนใจมีอยู่ว่า เสาต้นนี้ได้ถูกทำลายลงในสงครามครูเสดครั้งที่ 4 เมื่อยุโรปตะวันตกเข้ามายึดครองและตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล พวกเขาได้ขโมยชามทองด้านบน รวมทั้งหลอมสำริดที่ด้านข้างเสาโอเบลิกค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) ออกไป.. และในปัจจุบันส่วนหัวของงู เหลืออยู่ 1 หัว ซึ่งถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์โบราณคดี ในอิสตันบูล
- เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column ประเทศตุรกี -
5
เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน Constantine’s Obelisk
และเสาถัดมา คือเสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) สูง 32 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของฮิปโปรโดม ถูกสร้างเมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ถูกเรียกว่าเสาคอนสแตนติน หลังจากสมัยคอนสแตนตินที่ 7 ในศตวรรษที่ 10 ซึ่งเป็นผู้บูรณะ โดยมีการตกแต่งด้วยแผ่นทองสำริด แต่ถูกหลอมขโมยไปในสงครามครูเสดที่ 4 และเสานี้ถูกใช้เป็นจุดกลับตัวในการแข่งม้านั่นเอง
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ต้นก่อนบูรณะ -
แผนที่เกี่ยวกับบทความนี้
แนะนำทริปท่องเที่ยวตุรกี
ดูทั้งหมด
1
จตุรัสสุลต่านอาห์เมท (Sultanahmet Square)
จตุรัสสุลต่านอาห์เมท (Sultanahmet Square) ก่อนจะเข้าเรื่องนี้ ชาขม จะขอเล่าถึงการสถาปนาอิสตันบูล จะขอย้อนกลับไปจนถึงสมัยยุคกรีกโบราณนะคะ ในสมัยนั้นหากกษัตริย์คิดจะสร้างเมืองใหม่ หรือแสวงหาดินแดนใหม่ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปปรึกษากับผู้พยากรณ์ แล้วกษัตริย์ บิซัส (Byzas) ก็ทรงได้รับคำตอบจากผู้พยากรณ์ว่า ให้ไปสร้างเมืองข้างๆ ดินแดนที่ผู้คนตาบอด ซึ่งกษัตริย์ก็ทรงแปลกใจมากๆ พระองค์ได้ทำการเสาะแสวงหาเมืองต่างๆ จนมาถึงดินแดนนี้ แต่เป็นฝั่งเอเชีย ดินแดนนั้นชื่อ คาเคดอน (Chalcedon) ซึ่งในปัจจุบันคือ คาดิคอย (Kadikoy) จากการที่พระองค์พักอยู่ที่นั่น 2-3 วันทำให้พระองค์รู้สึกดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่ดี สวยงาม แต่พระองค์ก็ได้มองไปเห็นดินแดนส่วนที่เป็นฝั่งยุโรป จึงได้ข้ามช่องแคบบอสฟอรัสมายังฝั่งยุโรปและค้นพบว่ามันช่างสวยงามมากกว่าฝั่งเอเชียเสียอีก แปลกใจว่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เลย จะกลับไปอยู่ฝั่งเอเชียกันหมด พระองค์จึงคิดว่า “ทำไมไม่มีคนอยู่ในอาศัยดินแดนสวยงามเช่นนี้นะ พวกเขาต้องตาบอดแน่ๆ ที่ไม่เห็นดินแดนที่สวยงามและน่าอยู่เช่นนี้” ..ทันใดนั้น พระองค์ก็นึกถึงคำพูดของผู้พยากรณ์ขึ้นมาได้ว่า ข้างๆ ดินแดนที่ผู้คนตาบอด พระองค์จึงเข้าใจคำพูดของผู้พยากรณ์ได้ทันทีว่า ไม่ใช่ผู้คนตาบอด แต่ตาบอดที่ไม่สามารถมองเห็นดินแดนที่สวยงามน่าอยู่นี้ได้ พระองค์จึงสร้างเมืองใหม่ในฝั่งยุโรปนี้.. นี่ก็คือตำนานในการสถาปนาเมืองอิสตันบูล ภายหลังต่อมาเฉพาะในกลุ่มนักประวัติศาสตร์ได้ใช้ชื่อ บิซัส ในการแยกความแตกต่าง ของโรมันตะวันออก และโรมันตะวันตก เขาเรียกโรมันตะวันออกว่าไบแซนเทียม (Byzentium)
2
สะพานในอิสตันบูลมี 3 สะพาน
ปัจจุบันในอิสตันบูลมี 3 สะพาน ซึ่งเชื่อมระหว่างฝั่งยุโรปและเอเชีย สะพานแรกคือ สะพานกาลาตา (Galata Bridge) ซึ่งใต้สะพานนี้มีร้านอาหารมากมาย และมีวิวที่สวยงาม / สะพานบอสฟอรัส (Bophorus Bridge) และสะพานยาวุส สุลต่าน เซลิม (Yavuz Sultan Selim Bridge) ณ จุดที่เรียกว่าหัวใจของจักรวรรดิออตโตมันแห่งนี้ สถานที่แรกที่เราจะเยี่ยมชมคือ ฮิปโปรโดม (Hipprodrome) สร้างในศตวรรษที่ 2 ลองจินตนาการดูนะคะว่า พื้นที่โล่งกว้าง และยาวแห่งนี้ แต่ก่อนถูกล้อมรอบด้วยสเตเดียม หรืออัฒจรรย์ ซึ่งมีที่นั่งให้ผู้คนมากมายได้เข้ามาชม ถามว่าชมอะไรน่ะหรือคะ ที่นี่คือสนามแข่งม้า และแข่งรถม้า จุดเริ่มแข่งขันได้อยู่มุมด้านหนึ่ง ม้าวิ่งออกไป แล้วอ้อมเสาสุดท้ายกลับมา แต่น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรเหลือเลยจากวันนั้น แต่มีสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่หลงเหลืออยู่ คือน้ำพุ ชื่อว่า น้ำพุเยอรมัน (German Fountain) ซึ่งเป็นของขวัญแด่องค์สุลต่าน อาเมด (Sultan Ahmed) จากจักรพรรดิเยอรมันวิลเฮล์มที่ 2 (German Emperor Wilhelm II) เมื่อครั้งที่มาเยือนอิสตันบูลในปี 1898 น้ำพุสร้างในประเทศเยอรมัน และขนส่งมาทางเรือ เป็นชิ้นส่วนแล้วมาประกอบ ณ ที่แห่งนี้ ภายในโดมน้ำพุนี้ประดับไปด้วยสีโมเสคทอง จะมีวงกลมสีเขียวบรรจุลายเซ็นขององค์สุลต่าน สลับกับวงกลมสีน้ำเงินพร้อมสัญลักษณ์ดับเบิ้ลยู หมายถึงจักรพรรดิวิลเฮล์มที่สอง เป็นสถาปัตยกรรมนีโอ-ไบเซนไทน์ คือมีโดม 8 มุม และเสาหินอ่อน 8 ต้นรองรับ และน้ำพุนี้ยังถูกใช้งานจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
- น้ำพุเยอรมัน German Fountain -
3
เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1
ในบริเวณฮิปโปรโดมแห่งนี้ มีเสาหิน หรือเสาโอเบลิสค์อยู่สามต้นด้วยกัน เสาหินต้นแรก ที่ถัดจากน้ำพุเยอรมันคือ เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1 (The Obelisk Of Theodosius I) เป็นเสาฐานสี่เหลี่ยม แหลมสูงขึ้นไป สร้างโดยวิหารคาร์นัค ในอียิปต์ เมื่อเกือบ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยฟาโรห์ธุตโมสที่ 3 (Pharaoh Thutmose III) และถูกส่งมาทางแม่น้ำไนล์ ไปยังกรีซ ในสมัยจักรพรรดิโรมัน คอนสแตนติน ที่ 2 (Constantius II (337–361 AD) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครองราชย์ปีที่ 20 ในปี 357 AD และได้ถูกเคลื่อนย้ายมาที่ฮิปโปรโดรมแห่งนี้ในปี 390 AD ในสมัยพระจักรพรรดิโรมันธีโอโดซิสที่ 1 (Theodosius I (379–395 AD) เสาโอเบลิสค์ธีโอโดซิสที่ 1 นี้มีความสูงถึง 21 เมตรสร้างโดยหินแกรนิตชิ้นเดียว จริงๆ แล้วเสาโอเบลิสค์ที่มาจากวิหารคาร์นัคในโลกนี้มีประมาณ 20 ต้น ต้นที่อยู่หน้า White House ก็มาจากวิหารเดียวกันนี้ เมื่อตอนที่เขานำขึ้นมาจากเรือ เขาใช้วิธีนำไม้มาวางบนพื้นซึ่งมีน้ำมันเคลือบอยู่ แล้วลากไปเรื่อยๆ จนถึงณจุดนี้ ส่วนฐานของเสามีแผ่นหินอ่อนแกะสลัก เป็นรูปพระจักรพรรดิยืนตรงกลางล้อมรอบด้วยพี่น้อง และประชาชน กำลังยืนชมการแข่งม้าอยู่ ที่เรารู้ได้ว่าคนตรงกลางนั้นเป็นพระจักรพรรดิธีโอโดซิสที่ 1 เพราะมีจารึกเป็นภาษาละตินเขียนไว้ว่า พระจักรพรรดิธีโอโดซิสที่ 1กำลังชมการแข่งม้าอยู่กับครอบครัวและประชาชน ซึ่งเมื่อเรามองลงไปตรงฐานรากเราจะเห็นพื้นดินที่ลึกลงไปนั้นคือระดับพื้นดินที่แท้จริงของฮิปโปรโดมในยุคนั้น
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1 -
4
เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column
เสาต้นถัดไปเป็นเสาสำริดสีเขียวชื่อว่า เสาเซอร์เพนท์ (Serpent’s Column) ซึ่งคำว่า เซอร์เพนท์ แปลว่างู เดิมสูง 8 เมตร เสานี้สร้างเป็นรูปงูสำริด 3 ตัวพันกัน สร้างเพื่อเฉลิมฉลองและถวายต่อเทพอพอลโล่ (Apollo) แห่งเดลฟี ในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของชาวกรีกที่มีต่อชาวเปอร์เซียในสงครามพลาเทีย (The Battle Of Platea) เมื่อ 480 ปีก่อนคริสตกาล แล้วเค้าก็เอาอาวุธต่างๆ ที่ยึดได้จากชาวเปอร์เซียมาหลอมรวมกันแล้วสร้างเป็นเสาต้นนี้ขึ้นมา ที่เสามาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะว่า พระจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชต้องการประดับตกแต่งเมืองใหม่ของพระองค์ จึงนำเสาต้นนี้มาจากเมืองเดลฟีประเทศกรีซมาไว้ที่นี่ในปี ค.ศ.324 ค่ะและเพื่อนๆ ก็คงจะเดาได้ว่า เสาต้นนี้ควรที่จะต้องมีงูให้เราเห็น 3 หัวใช่ไหมคะ ถูกต้องค่ะ เสาแต่เดิมนั้นมีหัวงูแยกออกมา 3 หัวและรองรับชามทองด้านบน.. เรื่องน่าสนใจมีอยู่ว่า เสาต้นนี้ได้ถูกทำลายลงในสงครามครูเสดครั้งที่ 4 เมื่อยุโรปตะวันตกเข้ามายึดครองและตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล พวกเขาได้ขโมยชามทองด้านบน รวมทั้งหลอมสำริดที่ด้านข้างเสาโอเบลิกค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) ออกไป.. และในปัจจุบันส่วนหัวของงู เหลืออยู่ 1 หัว ซึ่งถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์โบราณคดี ในอิสตันบูล
- เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column ประเทศตุรกี -
5
เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน Constantine’s Obelisk
และเสาถัดมา คือเสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) สูง 32 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของฮิปโปรโดม ถูกสร้างเมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ถูกเรียกว่าเสาคอนสแตนติน หลังจากสมัยคอนสแตนตินที่ 7 ในศตวรรษที่ 10 ซึ่งเป็นผู้บูรณะ โดยมีการตกแต่งด้วยแผ่นทองสำริด แต่ถูกหลอมขโมยไปในสงครามครูเสดที่ 4 และเสานี้ถูกใช้เป็นจุดกลับตัวในการแข่งม้านั่นเอง
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ต้นก่อนบูรณะ -
แผนที่เกี่ยวกับบทความนี้
แนะนำทริปท่องเที่ยวตุรกี
ดูทั้งหมด
2
สะพานในอิสตันบูลมี 3 สะพาน
ปัจจุบันในอิสตันบูลมี 3 สะพาน ซึ่งเชื่อมระหว่างฝั่งยุโรปและเอเชีย สะพานแรกคือ สะพานกาลาตา (Galata Bridge) ซึ่งใต้สะพานนี้มีร้านอาหารมากมาย และมีวิวที่สวยงาม / สะพานบอสฟอรัส (Bophorus Bridge) และสะพานยาวุส สุลต่าน เซลิม (Yavuz Sultan Selim Bridge) ณ จุดที่เรียกว่าหัวใจของจักรวรรดิออตโตมันแห่งนี้ สถานที่แรกที่เราจะเยี่ยมชมคือ ฮิปโปรโดม (Hipprodrome) สร้างในศตวรรษที่ 2 ลองจินตนาการดูนะคะว่า พื้นที่โล่งกว้าง และยาวแห่งนี้ แต่ก่อนถูกล้อมรอบด้วยสเตเดียม หรืออัฒจรรย์ ซึ่งมีที่นั่งให้ผู้คนมากมายได้เข้ามาชม ถามว่าชมอะไรน่ะหรือคะ ที่นี่คือสนามแข่งม้า และแข่งรถม้า จุดเริ่มแข่งขันได้อยู่มุมด้านหนึ่ง ม้าวิ่งออกไป แล้วอ้อมเสาสุดท้ายกลับมา แต่น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรเหลือเลยจากวันนั้น แต่มีสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่หลงเหลืออยู่ คือน้ำพุ ชื่อว่า น้ำพุเยอรมัน (German Fountain) ซึ่งเป็นของขวัญแด่องค์สุลต่าน อาเมด (Sultan Ahmed) จากจักรพรรดิเยอรมันวิลเฮล์มที่ 2 (German Emperor Wilhelm II) เมื่อครั้งที่มาเยือนอิสตันบูลในปี 1898 น้ำพุสร้างในประเทศเยอรมัน และขนส่งมาทางเรือ เป็นชิ้นส่วนแล้วมาประกอบ ณ ที่แห่งนี้ ภายในโดมน้ำพุนี้ประดับไปด้วยสีโมเสคทอง จะมีวงกลมสีเขียวบรรจุลายเซ็นขององค์สุลต่าน สลับกับวงกลมสีน้ำเงินพร้อมสัญลักษณ์ดับเบิ้ลยู หมายถึงจักรพรรดิวิลเฮล์มที่สอง เป็นสถาปัตยกรรมนีโอ-ไบเซนไทน์ คือมีโดม 8 มุม และเสาหินอ่อน 8 ต้นรองรับ และน้ำพุนี้ยังถูกใช้งานจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ

- น้ำพุเยอรมัน German Fountain -
3
เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1
ในบริเวณฮิปโปรโดมแห่งนี้ มีเสาหิน หรือเสาโอเบลิสค์อยู่สามต้นด้วยกัน เสาหินต้นแรก ที่ถัดจากน้ำพุเยอรมันคือ เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1 (The Obelisk Of Theodosius I) เป็นเสาฐานสี่เหลี่ยม แหลมสูงขึ้นไป สร้างโดยวิหารคาร์นัค ในอียิปต์ เมื่อเกือบ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยฟาโรห์ธุตโมสที่ 3 (Pharaoh Thutmose III) และถูกส่งมาทางแม่น้ำไนล์ ไปยังกรีซ ในสมัยจักรพรรดิโรมัน คอนสแตนติน ที่ 2 (Constantius II (337–361 AD) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครองราชย์ปีที่ 20 ในปี 357 AD และได้ถูกเคลื่อนย้ายมาที่ฮิปโปรโดรมแห่งนี้ในปี 390 AD ในสมัยพระจักรพรรดิโรมันธีโอโดซิสที่ 1 (Theodosius I (379–395 AD) เสาโอเบลิสค์ธีโอโดซิสที่ 1 นี้มีความสูงถึง 21 เมตรสร้างโดยหินแกรนิตชิ้นเดียว จริงๆ แล้วเสาโอเบลิสค์ที่มาจากวิหารคาร์นัคในโลกนี้มีประมาณ 20 ต้น ต้นที่อยู่หน้า White House ก็มาจากวิหารเดียวกันนี้ เมื่อตอนที่เขานำขึ้นมาจากเรือ เขาใช้วิธีนำไม้มาวางบนพื้นซึ่งมีน้ำมันเคลือบอยู่ แล้วลากไปเรื่อยๆ จนถึงณจุดนี้ ส่วนฐานของเสามีแผ่นหินอ่อนแกะสลัก เป็นรูปพระจักรพรรดิยืนตรงกลางล้อมรอบด้วยพี่น้อง และประชาชน กำลังยืนชมการแข่งม้าอยู่ ที่เรารู้ได้ว่าคนตรงกลางนั้นเป็นพระจักรพรรดิธีโอโดซิสที่ 1 เพราะมีจารึกเป็นภาษาละตินเขียนไว้ว่า พระจักรพรรดิธีโอโดซิสที่ 1กำลังชมการแข่งม้าอยู่กับครอบครัวและประชาชน ซึ่งเมื่อเรามองลงไปตรงฐานรากเราจะเห็นพื้นดินที่ลึกลงไปนั้นคือระดับพื้นดินที่แท้จริงของฮิปโปรโดมในยุคนั้น
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1 -
4
เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column
เสาต้นถัดไปเป็นเสาสำริดสีเขียวชื่อว่า เสาเซอร์เพนท์ (Serpent’s Column) ซึ่งคำว่า เซอร์เพนท์ แปลว่างู เดิมสูง 8 เมตร เสานี้สร้างเป็นรูปงูสำริด 3 ตัวพันกัน สร้างเพื่อเฉลิมฉลองและถวายต่อเทพอพอลโล่ (Apollo) แห่งเดลฟี ในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของชาวกรีกที่มีต่อชาวเปอร์เซียในสงครามพลาเทีย (The Battle Of Platea) เมื่อ 480 ปีก่อนคริสตกาล แล้วเค้าก็เอาอาวุธต่างๆ ที่ยึดได้จากชาวเปอร์เซียมาหลอมรวมกันแล้วสร้างเป็นเสาต้นนี้ขึ้นมา ที่เสามาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะว่า พระจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชต้องการประดับตกแต่งเมืองใหม่ของพระองค์ จึงนำเสาต้นนี้มาจากเมืองเดลฟีประเทศกรีซมาไว้ที่นี่ในปี ค.ศ.324 ค่ะและเพื่อนๆ ก็คงจะเดาได้ว่า เสาต้นนี้ควรที่จะต้องมีงูให้เราเห็น 3 หัวใช่ไหมคะ ถูกต้องค่ะ เสาแต่เดิมนั้นมีหัวงูแยกออกมา 3 หัวและรองรับชามทองด้านบน.. เรื่องน่าสนใจมีอยู่ว่า เสาต้นนี้ได้ถูกทำลายลงในสงครามครูเสดครั้งที่ 4 เมื่อยุโรปตะวันตกเข้ามายึดครองและตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล พวกเขาได้ขโมยชามทองด้านบน รวมทั้งหลอมสำริดที่ด้านข้างเสาโอเบลิกค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) ออกไป.. และในปัจจุบันส่วนหัวของงู เหลืออยู่ 1 หัว ซึ่งถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์โบราณคดี ในอิสตันบูล
- เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column ประเทศตุรกี -
5
เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน Constantine’s Obelisk
และเสาถัดมา คือเสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) สูง 32 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของฮิปโปรโดม ถูกสร้างเมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ถูกเรียกว่าเสาคอนสแตนติน หลังจากสมัยคอนสแตนตินที่ 7 ในศตวรรษที่ 10 ซึ่งเป็นผู้บูรณะ โดยมีการตกแต่งด้วยแผ่นทองสำริด แต่ถูกหลอมขโมยไปในสงครามครูเสดที่ 4 และเสานี้ถูกใช้เป็นจุดกลับตัวในการแข่งม้านั่นเอง
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ต้นก่อนบูรณะ -
แผนที่เกี่ยวกับบทความนี้
แนะนำทริปท่องเที่ยวตุรกี
ดูทั้งหมด
3
เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1
ในบริเวณฮิปโปรโดมแห่งนี้ มีเสาหิน หรือเสาโอเบลิสค์อยู่สามต้นด้วยกัน เสาหินต้นแรก ที่ถัดจากน้ำพุเยอรมันคือ เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1 (The Obelisk Of Theodosius I) เป็นเสาฐานสี่เหลี่ยม แหลมสูงขึ้นไป สร้างโดยวิหารคาร์นัค ในอียิปต์ เมื่อเกือบ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยฟาโรห์ธุตโมสที่ 3 (Pharaoh Thutmose III) และถูกส่งมาทางแม่น้ำไนล์ ไปยังกรีซ ในสมัยจักรพรรดิโรมัน คอนสแตนติน ที่ 2 (Constantius II (337–361 AD) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครองราชย์ปีที่ 20 ในปี 357 AD และได้ถูกเคลื่อนย้ายมาที่ฮิปโปรโดรมแห่งนี้ในปี 390 AD ในสมัยพระจักรพรรดิโรมันธีโอโดซิสที่ 1 (Theodosius I (379–395 AD) เสาโอเบลิสค์ธีโอโดซิสที่ 1 นี้มีความสูงถึง 21 เมตรสร้างโดยหินแกรนิตชิ้นเดียว จริงๆ แล้วเสาโอเบลิสค์ที่มาจากวิหารคาร์นัคในโลกนี้มีประมาณ 20 ต้น ต้นที่อยู่หน้า White House ก็มาจากวิหารเดียวกันนี้ เมื่อตอนที่เขานำขึ้นมาจากเรือ เขาใช้วิธีนำไม้มาวางบนพื้นซึ่งมีน้ำมันเคลือบอยู่ แล้วลากไปเรื่อยๆ จนถึงณจุดนี้ ส่วนฐานของเสามีแผ่นหินอ่อนแกะสลัก เป็นรูปพระจักรพรรดิยืนตรงกลางล้อมรอบด้วยพี่น้อง และประชาชน กำลังยืนชมการแข่งม้าอยู่ ที่เรารู้ได้ว่าคนตรงกลางนั้นเป็นพระจักรพรรดิธีโอโดซิสที่ 1 เพราะมีจารึกเป็นภาษาละตินเขียนไว้ว่า พระจักรพรรดิธีโอโดซิสที่ 1กำลังชมการแข่งม้าอยู่กับครอบครัวและประชาชน ซึ่งเมื่อเรามองลงไปตรงฐานรากเราจะเห็นพื้นดินที่ลึกลงไปนั้นคือระดับพื้นดินที่แท้จริงของฮิปโปรโดมในยุคนั้น

- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -

- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -

- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -

- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -

- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิส ประเทศตุรกี -

- เสาโอเบลิสค์ ธีโอโดซิสที่ 1 -

4
เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column
เสาต้นถัดไปเป็นเสาสำริดสีเขียวชื่อว่า เสาเซอร์เพนท์ (Serpent’s Column) ซึ่งคำว่า เซอร์เพนท์ แปลว่างู เดิมสูง 8 เมตร เสานี้สร้างเป็นรูปงูสำริด 3 ตัวพันกัน สร้างเพื่อเฉลิมฉลองและถวายต่อเทพอพอลโล่ (Apollo) แห่งเดลฟี ในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของชาวกรีกที่มีต่อชาวเปอร์เซียในสงครามพลาเทีย (The Battle Of Platea) เมื่อ 480 ปีก่อนคริสตกาล แล้วเค้าก็เอาอาวุธต่างๆ ที่ยึดได้จากชาวเปอร์เซียมาหลอมรวมกันแล้วสร้างเป็นเสาต้นนี้ขึ้นมา ที่เสามาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะว่า พระจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชต้องการประดับตกแต่งเมืองใหม่ของพระองค์ จึงนำเสาต้นนี้มาจากเมืองเดลฟีประเทศกรีซมาไว้ที่นี่ในปี ค.ศ.324 ค่ะและเพื่อนๆ ก็คงจะเดาได้ว่า เสาต้นนี้ควรที่จะต้องมีงูให้เราเห็น 3 หัวใช่ไหมคะ ถูกต้องค่ะ เสาแต่เดิมนั้นมีหัวงูแยกออกมา 3 หัวและรองรับชามทองด้านบน.. เรื่องน่าสนใจมีอยู่ว่า เสาต้นนี้ได้ถูกทำลายลงในสงครามครูเสดครั้งที่ 4 เมื่อยุโรปตะวันตกเข้ามายึดครองและตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล พวกเขาได้ขโมยชามทองด้านบน รวมทั้งหลอมสำริดที่ด้านข้างเสาโอเบลิกค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) ออกไป.. และในปัจจุบันส่วนหัวของงู เหลืออยู่ 1 หัว ซึ่งถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์โบราณคดี ในอิสตันบูล
- เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column ประเทศตุรกี -
5
เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน Constantine’s Obelisk
และเสาถัดมา คือเสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) สูง 32 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของฮิปโปรโดม ถูกสร้างเมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ถูกเรียกว่าเสาคอนสแตนติน หลังจากสมัยคอนสแตนตินที่ 7 ในศตวรรษที่ 10 ซึ่งเป็นผู้บูรณะ โดยมีการตกแต่งด้วยแผ่นทองสำริด แต่ถูกหลอมขโมยไปในสงครามครูเสดที่ 4 และเสานี้ถูกใช้เป็นจุดกลับตัวในการแข่งม้านั่นเอง
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ต้นก่อนบูรณะ -
แผนที่เกี่ยวกับบทความนี้
4
เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column
เสาต้นถัดไปเป็นเสาสำริดสีเขียวชื่อว่า เสาเซอร์เพนท์ (Serpent’s Column) ซึ่งคำว่า เซอร์เพนท์ แปลว่างู เดิมสูง 8 เมตร เสานี้สร้างเป็นรูปงูสำริด 3 ตัวพันกัน สร้างเพื่อเฉลิมฉลองและถวายต่อเทพอพอลโล่ (Apollo) แห่งเดลฟี ในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของชาวกรีกที่มีต่อชาวเปอร์เซียในสงครามพลาเทีย (The Battle Of Platea) เมื่อ 480 ปีก่อนคริสตกาล แล้วเค้าก็เอาอาวุธต่างๆ ที่ยึดได้จากชาวเปอร์เซียมาหลอมรวมกันแล้วสร้างเป็นเสาต้นนี้ขึ้นมา ที่เสามาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะว่า พระจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชต้องการประดับตกแต่งเมืองใหม่ของพระองค์ จึงนำเสาต้นนี้มาจากเมืองเดลฟีประเทศกรีซมาไว้ที่นี่ในปี ค.ศ.324 ค่ะและเพื่อนๆ ก็คงจะเดาได้ว่า เสาต้นนี้ควรที่จะต้องมีงูให้เราเห็น 3 หัวใช่ไหมคะ ถูกต้องค่ะ เสาแต่เดิมนั้นมีหัวงูแยกออกมา 3 หัวและรองรับชามทองด้านบน.. เรื่องน่าสนใจมีอยู่ว่า เสาต้นนี้ได้ถูกทำลายลงในสงครามครูเสดครั้งที่ 4 เมื่อยุโรปตะวันตกเข้ามายึดครองและตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล พวกเขาได้ขโมยชามทองด้านบน รวมทั้งหลอมสำริดที่ด้านข้างเสาโอเบลิกค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) ออกไป.. และในปัจจุบันส่วนหัวของงู เหลืออยู่ 1 หัว ซึ่งถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์โบราณคดี ในอิสตันบูล

- เสาเซอร์เพนท์ Serpent’s Column ประเทศตุรกี -
5
เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน Constantine’s Obelisk
และเสาถัดมา คือเสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) สูง 32 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของฮิปโปรโดม ถูกสร้างเมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ถูกเรียกว่าเสาคอนสแตนติน หลังจากสมัยคอนสแตนตินที่ 7 ในศตวรรษที่ 10 ซึ่งเป็นผู้บูรณะ โดยมีการตกแต่งด้วยแผ่นทองสำริด แต่ถูกหลอมขโมยไปในสงครามครูเสดที่ 4 และเสานี้ถูกใช้เป็นจุดกลับตัวในการแข่งม้านั่นเอง
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -
- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ต้นก่อนบูรณะ -
5
เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน Constantine’s Obelisk
และเสาถัดมา คือเสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน (Constantine’s Obelisk) สูง 32 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของฮิปโปรโดม ถูกสร้างเมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ถูกเรียกว่าเสาคอนสแตนติน หลังจากสมัยคอนสแตนตินที่ 7 ในศตวรรษที่ 10 ซึ่งเป็นผู้บูรณะ โดยมีการตกแต่งด้วยแผ่นทองสำริด แต่ถูกหลอมขโมยไปในสงครามครูเสดที่ 4 และเสานี้ถูกใช้เป็นจุดกลับตัวในการแข่งม้านั่นเอง

- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -

- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ประเทศตุรกี -

- เสาโอเบลิสค์คอนสแตนติน ต้นก่อนบูรณะ -